มุมอัศจรรย์มุมนี้ต้องเดินลึกเข้าไปจนสุดชายหาดอันเป็นที่ตั้ง
ของถ้ำพระนาง ด้วยเป็นท่สี
ถิตของพระนางอันศักด์สิทธิ์ซึ่งชาวเรือแถบนี้เคารพสักการะ
มุมมองนี้เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ใด
คือเมื่อเข้าไปอยู่ภายในถ้ำมองมาจะเห็นปากโพรงถ้ำมีหินย้อยลงมาเป็นฉาก
ระย้าสวยงาม
มีท้องทะเลกว้างและเกาะน้อยใหญ่เรียงรายในยามพระอาทิตย์ตกจะเป็นมุมมองสวย งาม
แปลกตา น่าทึ่งที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย
ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: ช่วงพระอาทิตย์ตก
คือประมาณ 18.00 น.
ฤดูกาลที่ดีที่สุด: ฤดูร้อนราวเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคม
จุดชมวิวที่ดีที่สุด: ด้านในของถ้ำพระนาง
2. เกาะห้อง
ในพื้นที่
"ป่าเกาะ" ของจังหวัดกระบี่ เกาะที่ สวยที่สุด คือ เกาะห้อง
ซึ่งมีหาดทรายสวยที่สุด ฝูงปลามากมายที่สุด และทะเลในมหัศจรรย์ที่สุด เกาะห้องเป็นเกาะใหญ่หนึ่งในป่าเกาะ จังหวัดกระบี่ ที่มีเกาะ
อยู่มากมายนับร้อยเกาะ เกาะแห่งนี้มีจุดเด่นไม่เหมือนใคร
ด้วยชายหาดด้านหน้าเกาะที่โค้งเกือบจะเป็นครึ่งวงกลมร่มรื่น ด้วยแนวป่าชายหาดด้านหลัง น้ำทะเลที่นี่เป็นสีเทอคอยส์
ชวนให้ลงแหวกว่ายไปกับฝูงปลาแสนเชื่อง และทุกเดือน มีนาคม
เกาะแห่งนี้จะเป็นที่รวมของฝูงปลาขนาดเล็กมากมาย ที่มาชุมนุมกันอย่างน่าอัศจรรย์
รวมไปถึงทะเลใน ที่ซ่อนไว้ ซึ่งมุมมองอันวิเศษสุดอีกด้านหนึ่งของเกาะ
ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: 10.00 - 11.00 น. และ 14.00 - 16.00 น.
ฤดูกาลที่ดีที่สุด: ปลายเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคม
จุดชมวิวที่ดีที่สุด: ชายหาดด้านหน้าและทะเลใน
ซึ่งอยู่ด้านทิศเหนือ
3. เขาขนาบน้ำ
เป็นเขาสองลูกสูงประมาณ
100
เมตร ขนาบแม่น้ำกระบี่ด้านหน้าตัวเมือง ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมือง
กระบี่ สามารถไปเที่ยวชมได้โดยเช่าเรือหางยาวที่ท่าเรือเจ้าฟ้า
ใช้เวลาเดินทางเพียง 15 นาทีเท่านั้น
จากนั้นต้องขึ้นบันไดไปชมถ้ำ ภายในมีหินงอกหินย้อย
และเคยพบโครงกระดูกมนุษย์จำนวนมากมาย อยู่ในบริเวณนี้
สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นโครงกระดูกของกลุ่มคนที่อพยพมาตั้งหลักแหล่งแต่ล้มตายลง
เนื่องจากเกิดอุทกภัยอย่างฉับพลัน
4. สุสานหอยล้านปี
ตั้งอยู่บริเวณชายทะเลบ้านแหลมโพธิ์
ห่างจากตัวเมืองประมาณ 17 กม. ใช้เส้นทางเดียวกับทาง
ไปหาดนพรัตน์ธารา เมื่อถึงบ้านไสไทย จะมีป้ายบอกทางไปสุสานหอย บริเวณที่เป็นสุสานหอยแห่งนี้
เดิมเป็นหนองน้ำจืดขนาดใหญ่ มีหอยอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะหอยขม มีขนาดราว 2
ซม. ต่อมาเกิดการเปลี่ยนแปลงบริเวณ พื้นผิวโลก
น้ำทะเลไหลเข้ามาท่วมบริเวณหนองน้ำจนหมด
ทำให้ธาตุหินปูนในน้ำทะเลหล่อเปลือกหอยใต้น้ำจนเป็นเนื้อเดียวกัน กลายเป็นแผ่นหินแข็งที่เรียกว่า
Shelly Limestone หนาประมาณ 40 เซนติเมตร
เมื่อแผ่นดินบริเวณนี้ถูกยกตัวขึ้นสูง ซากฟอสซิลเหล่านี้จึง
ปรากฏให้เห็นเป็นลานหินกว้างใหญ่ยื่นลงไปในทะเล
จากการคำนวณหาอายุทางธรณีวิทยาพบว่า ฟอสซิลนี้มีอายุราว 40 ล้านปี
ซึ่งมีเพียง 3 แห่งในโลกเท่านั้น คือที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
(มลรัฐชิคาโก) ประเทศญี่ปุ่น และประเทศไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น